อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นสถานที่ที่นิยมของจังหวัดเลย ไม่ว่าจะปีไหนๆ ของการไปเที่ยวที่ไปท้าลมหนาวก็ต้องจังหวัดเลย กับบรรยากาศที่หาจากในเมืองไม่ได้ เป็นความสวยงามที่ถือว่าเป็นอีกที่ที่มีคุณค่าทางจิตใจเอามากๆ รับรองไม่เหนื่อยฟรีแน่นอน เพราะที่ภูกระดึงแห่งนี้มีอะไรให้เราชมอีกมาก
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นพื้นที่ธรรมชาติกว้างใหญ่
ภูกระดึง มีเนื้อที่ โดยประมาณ 348.12
ตารางกิโลเมตร หรือ 217,576.25 ไร่
ได้รับการจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2502 แล้วยังเป็นอุทยาน
ลำดับที่ 2 ของประเทศที่มีลักษณะ ภูมิประเทศเป็นภูเขา หินทรายยอดตัดอยู่ทาง
ตะวันตกเฉียงเหนือ ของที่ราบสูง พื้นที่ของภูเขาสูง 400-1,200
เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และมีจุดยอดสุงสุด ก็คือ ภูกุ่มข้าว
ที่มีความสูงประมาณ 1,350 เมตร และพื้นที่ราบบนยอดภูกระดึง ที่มาความกว้าง อยู่ที่
60 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 37,000 ไร่ คล้ายรูปใบบอน
ที่สำคัญยังมีหมู่ของพืชเมืองหนาว ไม่ว่าจะเป็น ป่าสนสองใบ ป่าสนสามใบ ป่าเมปิ้ล
และพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม เช่น กุหลาบป่า เอื้องม้าวิ่ง เอื้องคำหิน
ดอกม่วงดักหงาย และยังเป็นแหล่งต้นน้ำ ของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์
และเขื่อนหนองหวายในจังหวัดขอนแก่น
เพราะสภาพอากาศที่ เย็นสบายในตลอดช่วงปี
ที่มีอากาศหวานเย็นตลอด จึงมีจำนวนนักท่องเที่ยว
เดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ของแต่ละปี แม้ว่าการเดินทางเที่ยวภูกระดึงนั้นจะต้องเดินเท้าได้
กว่า 9 กิโลเมตร แต่ก็มีจุดที่ที่ให้สำหรับพักเหนื่อยตลอดเส้นทาง ทั้งที่ ปางกกค่า
ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน และ ซำกกแคร่
เป็นเนินเขา ช่วงสุดท้าย ก่อนที่จะเดินทางไป หลังแป หรือ พื้นที่ราบบนภูกระดึง
การเดินขึ้นภูกระดึงนักท่องเที่ยวจะเดินทางกันในเวลาเช้า
เพื่อที่จะได้ไปถึงยอดก่อนค่ำ เพราะสภาพป่าจะเปลี่ยนแปรงไปตามระยะความสูงของการเดินทาง
การเดินทางอาจเหนื่อย แต่ถือว่าคุ้มแน่นอน กับการที่ได้ชมธรรมชาติสวยๆ
ได้แบบใกล้ชิด
เนื่องจากการเดินทางมาเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นลักษณะที่เดินไต่ระยะความสูงไปเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวที่จะมาจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงและออกกำลังกายอยู่เสมอ นอกจากนั้น ยังมีกฎระเบียบที่ต้องต้องปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยของเหล่านักท่องเที่ยว เพราะจะมีบริเวณที่อนุญาตและไม่อนุญาต หรือเป็นเขตหวงห้าม
ช่วงเวลาที่ควรเที่ยวนั้นจะอยู่ในช่วง 1 ตุลาคม – 31 พฤษภาคม ของทุกๆปี มีบ้านพักให้นักท่องเที่ยว จำนวน 16 หลัง พักได้ 4-12 คน ต่อหลัง แต่สำหรับคนที่มานอนเต้นก็ ก็จะมีลานกานเต้นท์ ให้ พร้อมทั้งยังมี เครื่องนอนให้เลือกหลายหลาย จะจุดบริการขายอาหารและเครื่องดื่ม และยังมีบริการลูกหาบสัมภาระให้ได้บริการ
ข้อห้ามของเขตอุทยาน นั้น ห้ามก่อกองไฟห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปบนภู และห้ามนำภาชนะ ที่เป็นโฟมเข้าไปในอุทยาน
